เกี่ยวกับโปรแกรม English Discoveries
โปรแกรม English Discoveries เป็นซอฟต์แวร์สอนภาษาอังกฤษในรูปแบบ Offline ด้วยสื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษที่มีเนื้อหาครอบคลุมที่สอดคล้องตามเกณฑ์ CEFR และมีความยืดหยุ่น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่แตกต่างของแต่ละสถาบัน
เนื้อหาในโปรแกรมจะรวมถึงเครื่องมือที่เป็นสื่อเสริม ทำให้ผู้เรียนได้มีโอกาสใช้ภาษาในสถานการณ์จริงในการสื่อสาร
จุดเด่นต่างๆของโปรแกรม
- มีชั่วโมงเรียนมากกว่า 1,200 ชั่วโมง
- มีคำศัพท์มากกว่า 17,000 คำ
- สนับสนุนสไตล์การเรียนหลายๆ อย่าง เช่น การใช้หัวข้อเรื่อง การใช้ทักษะทางภาษา และการแก้ปัญหา
- เน้นการเรียนภาษาในบริบท (Context) ในหน่วยที่ใช้หัวข้อเรื่องเป็นฐาน
- ใช้วิธีการเรียนรู้ที่สนองความต้องการทุกรูปแบบ
การออกเสียงพูดได้
- ครอบคลุมทุกทักษะ และประสบการณ์ทางภาษาทั้งหมด คือ การอ่าน การฟัง การเขียน การพูด รวมถึงไวยากรณ์ด้วย
- พจนานุกรม พร้อมเสียง
คู่มือแนะนำหลักสูตร จะประกอบด้วยหัวข้อพื้นฐาน 8 หัวข้อ โดยแต่ละหัวข้อจะคลอบคลุมหน่วยการเรียนรู้ ดังนี้ การฟัง การอ่าน การพูด การเขียน และไวยกรณ์
นอกจากนี้ในแต่ละโมดูลการเรียน จะเพิ่มการฝึกฝนการใช้ภาษาเป็นพื้นฐานเพื่อให้เกิดความชำนาญกับผู้เรียน ซึ่งมีจำนวนชั่วโมงการเรียนมากกว่า 100 ชั่วโมงในแต่ละหัวข้อ
แบบบทเรียนที่ใช้ทักษะเป็นฐาน (Skill-based mode) จะทำให้สามารถเข้าถึงสื่อการเรียนต่างๆ ได้ ซึ่งได้จัดรวบรวมไว้ในแต่ละทักษะ และเรื่องราวที่จะอ่านได้ในสื่อที่มีหลากหลายรูปแบบ (Genres)
การฟัง (Listening)
ทักษะการฟังนี้ออกแบบไว้ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจของนักเรียนในการฟัง โดยผ่านการเปิดโอกาสให้ใช้สื่อ ที่เกี่ยวกับการฟังหลายๆ อย่าง เช่น วีดีโอคลิบ การแสดงทางทีวี รายการวิทยุ การฝากข้อความในเครื่องบันทึกเสียง เป็นต้น
ทักษะการฟัง แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ
- ขั้นตอนการสำรวจ (Explore) ซึ่งจะนำเสนอเนื้อหาต่างๆ
- ขั้นตอนการฝึก (Practice) ที่จะเสริมเนื้อหา โดยผ่านการฝึกหัด โดยการมีปฏิสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง
- ขั้นตอนการทดสอบ (Test) ซึ่งใช้ทดสอบความสามารถในการใช้เนื้อหาใหม่ๆ
การอ่าน (Reading)
ทักษะการอ่านนี้ออกแบบ เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกทักษะการอ่านกับเนื้อหาภาษา (Text) ชนิดต่างๆ เช่น นิทาน การโฆษณา จดหมาย ไปรษณียบัตร และบทความต่างๆ เป็นต้น โดยได้เน้นให้เห็นชัดเกี่ยวกับกลยุทธการอ่าน : เช่น การเดาคำต่างๆ จากเนื้อหาบทความ การหาความคิดหลัก และคำสำคัญ (Keywords) เป็นต้น
ทักษะการอ่าน แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ
- ขั้นตอนการสำรวจ (Explore) ซึ่งจะนำเสนอเนื้อหาต่างๆ
- ขั้นตอนการฝึก (Practice) ที่จะเสริมเนื้อหา โดยผ่านการฝึกหัด ที่ให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับสื่ออย่างกว้างขวาง
- ขั้นตอนการทดสอบ (Test) ซึ่งใช้ทดสอบความสามารถใช้เนื้อหาใหม่ๆ
การพูด (Speaking)
ทักษะการพูด ประกอบด้วย บทสนทนาในชีวิตจริงในสถานการณ์ต่างๆ โดยเน้นเรื่องภาษา ที่ทำหน้าที่ต่างๆ ที่ใช้กันอยู่ประจำวันกิจกรรมเกี่ยวกับการพูดแต่ละกิจกรรม
ทักษะการพูด แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ
- ขั้นตอนการสำรวจ (Explore) ซึ่งจะเสนอบทสนทนาในรูปแบบที่มีชีวิตชีวา
- ขั้นตอนการฝึก (Practice) ซึ่งนักเรียนจะเข้าร่วมสนทนา โดยแสดงบทบาทเป็นตัวแสดงตัวหนึ่ง ในการนี้ ทำได้โดยใช้เทคโนโลยี การจำคำพูดได้ หรือ โดยการบันทึกแล้ว เปิดฟัง เสียงพูดของตนเอง
การเขียน (Writing)
ทักษะการเขียน ประกอบด้วย แบบการเขียน Writing models) ที่กำหนดให้หลายแบบ นักเรียนจะเขียนจดหมาย (แบบเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ) และรายงานต่างๆ การกรอกแบบฟอร์มต่างๆ เป็นต้น โดยการใช้ระบบงานที่ให้ผู้ใช้เขียน และแก้ไขข้อความในเอกสารได้แทนพิมพ์ดีด (Word Processor) แบบง่ายๆ ซึ่งสามารถตรวจสอบคำผิด ด้วย พร้อมกับข้อแนะนำในการเขียนที่เป็นประโยชน์
ทักษะการเขียน แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ
- ขั้นตอนการสำรวจ (Explore) ซึ่งแสดงหน่วยการเขียน (Writing module)
- ขั้นตอนการฝึก (Practice) ซึ่งนักเรียนจะฝึกเขียนจริงๆ กับแบบฟอร์มต่างๆ ในการเขียน
ไวยากรณ์ (Grammar)
ความรู้ด้านไวยากรณ์ได้ออกแบบไว้ เพื่อแนะนำโครงสร้างไวยากรณ์ ในเนื้อหา และมีแบบฝึกตามตัวอย่างต่างๆ แสดงถึงการใช้โครงสร้างทางไวยากรณ์ และอำนวยความสะดวกตามความต้องการอื่นๆ ด้วยแต่ละหัวข้อเกี่ยวกับไวยากรณ์ ประกอบด้วย
- การสำรวจ (Explore) ซึ่งจะแนะนำจุดสำคัญ และคำอธิบายที่มีรายละเอียดด้วย
- การฝึกทักษะ (Practice) ซึ่งจะมีแบบฝึกหัดสำหรับ การรวบรวม โครงสร้างที่ได้สอนไว้
- การทดสอบ (Test) ซึ่งจะทดสอบความสามารถที่จะใช้ โครงสร้างใหม่ๆ
เครื่องมือที่ให้การสนับสนุน (Support Tools)
โปรแกรมจัดเครื่องมือสนับสนุน การเรียนรู้ ซึ่งรวมถึง
- พจนานุกรมสำหรับผู้เรียนที่ใช้เสียงสองภาษา (Bilingual Dictionary)
- การช่วยเหลือ (Help)
- การบันทึกความก้าวหน้าของนักเรียน (Progress Report)
การทดสอบวัดระดับ (Placement Test)
การทดสอบวัดระดับทางภาษาของ Placement test ถูกออกแบบมาเพื่อจัดระดับทางภาษาที่ถูกต้องเหมาะสมให้แก่นักเรียนที่จะเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษโดยการทดสอบประกอบด้วย 3 ส่วน คือ การอ่าน (Reading) การฟัง (Listening) และไวยากรณ์ (Grammar)
การอ่าน (Reading) เป็นการทดสอบทักษะความเข้าใจการอ่านของผู้เรียนที่จะต้องอ่านเนื้อเรื่อง (เรื่องเล่า, บทความ ฯลฯ) และทำแบบทดสอบโดยการตอบคำถามที่มีหลากหลายรูปแบบ เช่น แบบตัวเลือก, เติมคำใน-ช่องว่าง, คลิกแล้วลากคำ ฯลฯ
การฟัง (Listening) เป็นการทดสอบทักษะความเข้าใจในการฟังของผู้เรียนโดยการดู และฟังเนื้อเรื่องจากวีดีโอ คลิป จากเครื่องบันทึกเสียง หรือรายการวิทยุแล้วตอบคำถาม
ไวยากรณ์ (Grammar) เป็นการทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ทางไวยากรณ์ของผู้เรียน ข้อทดสอบมีความยาว 40 นาที เพื่อทำให้กระบวนการประเมินผลสั้นลง ผู้เรียนอาจจะเลือกเริ่มต้นการทดสอบที่ระดับที่ตนคิดว่าอยู่ในระดับนั้น (เช่น ระดับ Basic หรือ Intermediate หรือ Advanced) ผลการสอบจะถูกวิเคราะห์โดยระบบ และแสดงให้เห็นผลในรูปของการแจกแจงความถี่ของคะแนนสูงสุด และคะแนนต่ำสุดของผู้สอบ (Histogram) รวมทั้งการให้คะแนนเป็นเปอร์เซ็นต์ในแต่ละส่วนของข้อสอบ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับระดับทางภาษาที่ผู้เรียนควรเริ่มต้นเรียนจาก 9 ระดับ ที่กำหนดไว้ คือ Basic 1-3, Intermediate 1-3, Advanced 1-3)
ข้อทดสอบเสนอทางเลือกให้ผู้สอบเลือกได้ว่าจะใช้ข้อสอบแบบมีตัวช่วย และคำสั่งเป็นภาษาไทยหรือจะเลือกข้อทดสอบที่เป็นภาษาอังกฤษก็ได้ นอกจากนี้ เมื่อทำข้อสอบจบผู้สอบยังสามารถบอกได้ว่าต้องการให้กำหนดระดับทางภาษาลงไปเลยหรือว่าต้องการคำแนะนำ
คะแนนสอบ และงานที่ผู้สอบเลือกจะถูกเก็บไว้ในระบบการจัดการของครู (TMS) และสามารถใช้เป็นตัวอ้างอิงถึงงานที่ได้รับมอบหมายได้
โครงสร้างของหลักสูตร
หลักสูตรแต่ละระดับ ประกอบ 8 หัวข้อเรื่อง (8 topic based) ประกอบด้วย
การฟัง (Listening) มีรูปแบบการฟังที่หลากหลาย เช่น การแสดงทางทีวี, รายการวิทยุ และกล่องบันทึกข้อความ
การอ่าน (Reading) มีรูปแบบการอ่านที่หลากหลาย เช่น บทความ, เรื่องเล่า, โฆษณา, ประกาศ
การพูด (Speaking) มีรูปแบบบทสนทนาในชีวิตจริงหลากหลายแบบโดยเน้นที่หน้าที่ของภาษา (Functional language) ในสถานการณ์ต่างๆ
ไวยากรณ์ (Grammar) มีตัวอย่างการใช้ไวยากรณ์ด้วยภาพแอนิเมชัน และสอดแทรกอารมณ์ขันลงไปในประโยคตัวอย่างด้วย
ในองค์ประกอบของแต่ละส่วนดังกล่าวจะประกอบด้วย 3 ส่วน (ยกเว้นทักษะการพูดจะไม่มีการทำข้อทดสอบ)
ขั้นตอนการสำรวจ (Explore) เป็นการนำเสนอเนื้อหา และรูปแบบภาษา
ขั้นตอนการฝึกทักษะ (Practice) เป็นการย้ำความเข้าใจเนื้อหาโดยผ่านรูปแบบกิจกรรม ที่มีปฏิสัมพันธ์
ขั้นตอนการทดสอบ (Test) เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาของผู้เรียนในเนื้อหาใหม่